การหาข้อมูลเพิ่มเติม
การประเมินความต้องการจำเป็น
การประเมินความต้องการจำเป็น (need assessment) หมาย
ถึง กระบวนการที่ก่อให้เกิด
ข้อมูลสารสนเทศเพื่อกำหนดความแตกต่างของสภาพที่เกิดขึ้นจริงกับสภาพที่ควรจะ
เป็น โดยระบุสิ่งที่
ต้องการให้เกิดว่ามีลักษณะใดและสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเป็นอย่างไร เพื่อน
าไปสู่การประมวลสังเคราะห์และ
ประเมินว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงควรเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง
การประเมินความต้องการจำเป็นนำไปสู่ การเปลี่ยนแปลงในทางบวกและสร้างสรรค์
(ราชบัณฑิตยสถาน, 2555, หน้า 370)
สำหรับการประเมินความต้องการจำเป็นเพื่อให้ได้ข้อมูลสารสนเทศสำหรับใช้ในการออกแบบ การเรียนการสอนนั้น สมิธและราเกน (Smith & Ragan, 1999, p. 32) กล่าวว่า การประเมินความต้องการ จำเป็น เป็นกิจกรรมเพื่อสำรวจปัญหาของการเรียนการสอนที่ผ่านมา ความต้องการของผู้เรียนและ
สภาพบริบทของการเรียนรู้ ส่วนดิค แครี และแครี (Dick, Carey, & Carey, 2001, p. 4)
กล่าวว่า การประเมินความต้องการจำเป็น เป็นกระบวนการเชิงระบบ
สิ่งที่จะต้องวิเคราะห์ประกอบด้วยปัญหาและ ความต้องการของผู้เรียนคืออะไร
เป้าหมายของการเรียนรู้หรือผลการเรียนรู้ที่ต้องการคืออะไร สภาพ
และบริบทในการเรียนการสอนเป็นอย่างไร
ผู้ออกแบบการเรียนการสอนจะต้องพิจารณาถึงข้อมูลที่
ต้องการว่าควรมีขอบเขตกว้างขวางมากน้อยเพียงใด แหล่งของข้อมูลได้จากที่ใด
กระบวนการรวบรวม
ข้อมูลจะเลือกใช้วิธีการใดจึงจะได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือและประหยัดทรัพยากร
ถ้าสามารถกำหนดให้ชัดเจน
ได้ก็จะช่วยให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้นการประเมินความต้องการจำเป็น จึงเป็น
กิจกรรมที่ดำเนินการก่อนการออกแบบการเรียนการสอน
สรุป
การประเมินความต้องการจำเป็นจึงเป็นกระบวนการเพื่อทราบปัญหาและการรวบรวม
ข้อมูลสำหรับการวางแผนแก้ไขปัญหา
โดยปกติครูที่ออกแบบการเรียนการสอนสำหรับใช้สอนในห้องเรียน
การประเมินความต้องการจำเป็นมักทำในลักษณะที่ไม่เป็นทางการ
โดยครูนำผลจากการประเมิน ทั้งการประเมินความก้าวหน้า (formative evaluation) ที่ทำในระหว่างการเรียนการสอน และการประเมิน ผลสรุป (summative evaluation) ซึ่ง
ทำภายหลังการเรียนการสอนเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อตัดสินผลการเรียน
ของผู้เรียนมาใช้เป็นข้อมูลเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
แต่สำหรับนักออกแบบการเรียนการสอนที่มี
ความประสงค์จะพัฒนาสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเพื่อฝึกการแยกตัวประกอบในวิชา
คณิตศาสตร์สำหรับ นักเรียนในระดับชั้น ป.4 ทั่วประเทศนั้น
การประเมินความต้องการจำเป็นต้องทำอย่างเป็นระบบ ถึงแม้ว่า
จะต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแต่ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
เพราะทำให้ได้สารสนเทศที่เป็น
ประโยชน์ต่อการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนที่ตอบสนองเป้าหมายการเรียนรู้และ
ความต้องการของ ผู้เรียนกลุ่มใหญ่
จุดมุ่งหมายของการประเมินความต้องการจำเป็น
การประเมินความต้องการจำเป็นในการเรียนการสอนมีจุดมุ่งหมายดังต่อไปนี้
1)
ค้นหาปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเรียนการสอน
ปัญหาที่เกิดขึ้นในห้องเรียนไม่สามารถแก้ไข ได้ด้วยการเรียนการสอนทุกปัญหา
ดังนั้นนักออกแบบการเรียนการสอนจะต้องพิจารณาว่าปัญหาใด
ที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการเรียนการสอน เช่น
ปัญหานักเรียนขาดความรู้หรือทักษะปฏิบัติในวิชาใด วิชาหนึ่ง
ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการเรียนการสอน
โดยที่ครูจัดโครงสร้างความรู้ให้มีความสัมพันธ์
เชื่อมโยงตามลำดับจากง่ายไปยากและนำเสนอให้เหมาะสมกับความสามารถในการรับรู้
ของผู้เรียนให้
นัก
เรียนมีโอกาสทบทวนความรู้ จัดเวลาให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติบ่อย ๆ
พร้อมทั้งให้การเสริมแรงแก่ ผลการปฏิบัติ
ให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อให้นักเรียนนำข้อแนะนำไปปรับปรุงแก้ไข เป็นต้น
แต่บางปัญหา เช่นโรงเรียนมีจำนวนนักเรียนสมัครเข้าเรียนใหม่ลดลงเรื่อย ๆ
ปัญหานี้อาจไม่ได้เกี่ยวกับการเรียน การสอนโดยตรง
ดังนั้นจึงควรวิเคราะห์ว่าปัญหาใดเป็นปัญหาทางการเรียนการสอนที่สามารถแก้ไข
ได้ ด้วยการออกแบบการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ
การค้นพบปัญหาการเรียนการสอนนี้จึงต้อง
วิเคราะห์ความต้องการในการเรียนรู้ของผู้เรียน
2)
ค้นหาว่าอะไรคือความรู้ ทักษะที่ควรสอนให้แก่ผู้เรียน ความรู้
ทักษะนั้นเป็นสิ่งใหม่หรือ เคยเรียนมาแล้ว
ธรรมชาติและลักษณะสำคัญของความรู้และทักษะนั้นเป็นอย่างไร จะสอนความรู้
ทักษะนั้นให้แก่ผู้เรียนได้อย่างไร
ผู้ออกแบบจะต้องคิดถึงเนื้อหาที่จะให้ผู้เรียนได้รับและทักษะที่ผู้เรียน
พึงได้รับการพัฒนา นั่นคือการตอบคำถามให้ได้ว่า
จะให้ผู้เรียนรู้อะไรและทำอะไรได้จากการเรียนการสอน ที่จัดขึ้น 3)
ทำให้รู้จักผู้เรียนมากขึ้น
เพื่อให้การออกแบบการเรียนการสอนมีความเหมาะสมกับผู้เรียน
ที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย
ผู้ออกแบบการเรียนการสอนจำเป็นต้องมีสารสนเทศเกี่ยวกับผู้เรียนให้มากขึ้น
เช่น ความรู้เดิมของผู้เรียนที่มีอยู่
ความรู้ของผู้เรียนซึ่งเป็นพื้นฐานที่ช่วยให้เรียนรู้เรื่องใหม่ได้ง่ายขึ้น
ความถนัด ความสนใจ ระดับพัฒนาการทางสติปัญญา แรงจูงใจ
เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเรียนรู้ ของผู้เรียน
ดังนั้นการรู้จักผู้เรียนช่วยให้นักออกแบบสามารถออกแบบการเรียนการสอนได้
เหมาะสมกับ ผู้เรียนมากขึ้น
4)
ทำให้เข้าใจบริบทของการเรียนการสอนซึ่งหมายถึงลักษณะทางกายภาพที่เป็นสิ่ง
แวดล้อม ของการเรียนการสอนและปัจจัยต่าง ๆ
ที่มีผลต่อการเรียนการสอนทั้งในด้านที่ส่งเสริมและเป็นอุปสรรค
ต่อการเรียนการสอน
5)
ช่วยสำรวจปัญหาการเรียนการสอนและหาทางแก้ปัญหา นักออกแบบการเรียนการสอน
จะใช้วิธีการเชิงระบบในการวิเคราะห์ว่าอะไรคือปัญหาของการเรียนการสอน
การเสนอทางเลือกต่าง ๆ
ที่เป็นไปได้ในการแก้ปัญหาและพิจารณาว่าแนวทางใดสามารถแก้ปัญหาได้ดีที่สุด
จะใช้สารสนเทศใด ในการแก้ปัญหาได้เหมาะสมที่สุด
6)
ช่วยให้นักออกแบบการเรียนการสอนสามารถกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ที่ชัดเจน
เพื่อใช้ เป็นแนวทางในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้
สื่อและการวัดประเมินผลผู้เรียนได้สอดคล้องกับเนื้อหา
ผู้เรียนและบริบทการเรียนการสอนมากขึ้น
การ
ประเมินความต้องการจำเป็นจึงเป็นกระบวนการที่ทำให้ผู้ออกแบบได้นำสารสนเทศไป
ใช้ ในการกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้
ช่วยแก้ปัญหาการเรียนการสอนและตอบสนองความต้องการในการเรียนรู้
ของผู้เรียน
รูปแบบการประเมินความต้องการจำเป็น
การ
ประเมินความต้องการจำเป็นในการเรียนการสอนเกิดขึ้นด้วยเหตุผลหลายประการ
เช่น ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ
ไม่บรรลุเป้าหมายทางการศึกษาที่โรงเรียนกำหนด สภาพการเรียน
การสอนไม่มีประสิทธิภาพ ไม่น่าสนใจ
คณะกรรมการโรงเรียนต้องการให้โรงเรียนเพิ่มเติมเนื้อหาใหม่เข้า
ไปในหลักสูตร เช่น
ให้นักเรียนเรียนภาษาที่ใช้สื่อสารในประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้น เช่น ภาษาจีน
ภาษาบาฮาซา เป็นต้น
หรือมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะของประชากรนักเรียนที่เป็นชาวต่างชาติมากขึ้นอัน
เนื่องจาก แรงงานต่างชาติที่เข้ามาท างานในประเทศไทย
ทำให้เกิดปัญหาการจัดการเรียนการสอนในบริบทสังคม พหุวัฒนธรรม เป็นต้น
ในการประเมินความต้องการจำเป็นจึงควรเลือกใช้รูปแบบการวิเคราะห์ที่มีความ
เหมาะสมกับสภาพปัญหาที่พบ ซึ่งแบ่งได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ (Smith & Ragan, 1999, p 32-36)
1. รูปแบบการประเมินที่เน้นการศึกษาช่องว่างระหว่างสภาพที่เป็นอยู่กับสภาพที่ คาดหวัง (discrepancy-based need assessment) เป็นการศึกษาความแตกต่างของสภาพที่คาดหวัง กับสภาพที่เป็นอยู่จริง การดำเนินงานวิเคราะห์ตามรูปแบบนี้ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้
1) บรรยายเป้าหมายการเรียนรู้ของสภาพการเรียนการสอนในปัจจุบัน
2) ประเมินผลสัมฤทธิ์ของเป้าหมายการเรียนรู้ในสภาพปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร
3) อธิบายช่องว่างระหว่างสิ่งที่เป็นสภาพที่คาดหวังและสิ่งที่ทำได้ว่ามีความแตกต่าง อย่างไร มีสาเหตุมาจากอะไร
4) ลำดับสิ่งที่ต้องปฏิบัติก่อนหลังเพื่อให้เกิดสภาพที่ต้องการ
5) ประเมินว่าอะไรคือความต้องการของการเรียนการสอนและในจำนวนความต้องการ
เหล่านั้น ความต้องการใดสามารถแก้ไขได้ด้วยการออกแบบและพัฒนาการเรียนการสอน
2. รูปแบบการประเมินที่เน้นปัญหา (problem-based need assessment) เป็น
การ ประเมินเพื่อค้นหาว่าอะไรคือปัญหาที่แท้จริง
ปัญหานั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยการเรียนการสอนหรือไม่ การ
ดำเนินงานวิเคราะห์ตามรูปแบบนี้ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้
1) ปัญหาที่พบเป็นปัญหาที่แท้จริงหรือไม่
2) สาเหตุของปัญหามีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หรือสิ่งแวดล้อมการ เรียนรู้หรือไม่อย่างไร
3) แนวทางการแก้ปัญหาเกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนหรือไม่
4) พิจารณาว่าแนวทางในการเรียนการสอนที่เสนอนั้นสามารถแก้ปัญหาที่เป็น เป้าหมายการเรียนรู้ได้จริงหรือไม่
3. รูปแบบการประเมินที่เน้นนวัตกรรม (innovation-based need assessment) เป็น
การ
พิจารณานวัตกรรมและตัดสินว่าเป้าหมายการเรียนรู้นั้นมีความสัมพันธ์กับนวัต
กรรมหรือไม่ การ ดำเนินงานวิเคราะห์ตามรูปแบบนี้ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้
1) พิจารณาธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมว่ามีสภาพเป็นอย่างไร
2) พิจารณาว่าเป้าหมายการเรียนรู้มีความสัมพันธ์กับนวัตกรรมหรือไม่
3) พิจารณาว่าเป้าหมายการเรียนรู้อยู่ในระดับใดในระบบการเรียนการสอน
4) การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ว่านำไปสู่การออกแบบนวัตกรรมการเรียน การสอนอย่างไร
กระบวนการประเมินความต้องการจำเป็น
กระบวนการประเมินความต้องการจำเป็น
เป็นการดำเนินงานที่แปลงความต้องการที่เป็น
เจตนารมณ์หรืออุดมคติให้เป็นความต้องการที่เป็นจริงโดยพิจารณาจากข้อมูล
ข้อเท็จจริงที่รวบรวมจาก แหล่งข้อมูลและผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย
นำมาเปรียบเทียบและทบทวนเพื่อหาแนวทางที่เป็นไปได้มากที่สุด
ในการบรรลุความต้องการหรือการแก้ปัญหาที่ประสบ กระบวนการวิเคราะห์มี 3
ขั้นตอน (Shambaugh & Magliaro, 1997, p. 65) ได้แก่ การบรรยายความต้องการจำเป็น การรวบรวมข้อมูล การสรุปและ ทบทวนความต้องการจำเป็น โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. การบรรยายความต้องการจำเป็น เป็นขั้นตอนที่ผู้ออกแบบน าเสนอความต้องการ
ที่เป็นอุดมคติ ความเชื่อ
ความมุ่งมั่นในการเรียนการสอนว่าต้องการให้ผู้เรียนเป็นอย่างไรเมื่อได้รับ
การจัดการเรียนการสอนแล้ว เช่น มีความรู้อะไร ทำอะไรได้
มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์อย่างไร สิ่งที่ น าเสนอนี้มีแหล่งที่มาจากปรัชญา
วิสัยทัศน์ จุดมุ่งหมายของโรงเรียนที่ได้ประกาศแก่สาธารณชน และ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ซึ่งในหลักสูตรจะบอกถึงเป้าหมายที่เป็นคุณภาพของผู้เรียนใน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ
ที่เป็นคุณภาพของผู้เรียนที่คาดหวังเมื่อผู้เรียนได้รับการศึกษาครบระยะเวลา
ที่
หลักสูตรกำหนด 12 ปี ที่เรียกว่า มาตรฐานการเรียนรู้
และคุณภาพของผู้เรียนเป็นรายปีในแต่ละ ระดับชั้นที่เรียกว่า ตัวชี้วัด
(กระทรวงศึกษาธิการ, 2552)
สิ่งที่นำเสนอในขั้นนี้เป็นเป้าหมายการเรียนรู้
ในระดับกว้างยังไม่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติ
แต่ทำให้เห็นลำดับความสำคัญของความต้องการหรือ
เป้าหมายการเรียนรู้ที่โรงเรียนต้องการให้นักเรียนบรรลุ
2.
การรวบรวมข้อมูล
เป็นขั้นตอนที่ผู้ออกแบบดำเนินการวิเคราะห์ทางเลือกหรือแนวทางต่าง ๆ ในการน
าเป้าหมายการเรียนรู้สู่การปฏิบัติ ซึ่งต้องอาศัยข้อมูลหลายด้าน
การดำเนินงานในขั้นนี้คือ การวิเคราะห์งาน (task analysis) ซึ่ง
หมายถึง การจำแนกงานที่ต้องปฏิบัติเป็นกลุ่มงานต่าง ๆ รวมทั้ง
การบรรยายรายละเอียดของภาระงานแต่ละงาน
และจัดระบบงานให้สัมพันธ์กันจนสามารถดำเนินการ
ให้บรรลุวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพ
การจัดการเรียนรู้จะต้องวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายของผู้เรียน สาระ สื่อ
และกิจกรรม
เพื่อให้สามารถจัดการเรียนการสอนเป็นลำดับขั้นตอนและบรรลุวัตถุประสงค์
(ราชบัณฑิตยสถาน, 2555, หน้า 528) ดังนั้นงานในที่นี้ คืองานเพื่อการเรียนรู้ (learning task) ผล
ที่ได้ จากการดำเนินงานในขั้นนี้คือ
เป้าหมายการเรียนรู้ที่บอกให้ทราบว่าผู้เรียนควรมีความรู้อะไร สามารถ
ทำอะไรได้หลังจากได้รับการจัดการเรียนการสอนแล้ว
นอกจากนั้นยังบอกให้ทราบว่าผู้เรียนต้องมี
ความรู้และทักษะพื้นฐานอะไรที่จำเป็นต้องมีเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเรียน
รู้ที่ต้องการ ดังนั้น
การดำเนินงานในขั้นนี้จึงประกอบด้วยการวิเคราะห์ผู้เรียน (analyzing the learners) เพื่อ
ให้ทราบ
ความแตกต่างของผู้เรียนซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายการเรียนรู้ว่ามีลักษณะแตกต่าง
กันอย่างไร มีพื้นฐานความรู้ ที่จำเป็นต่อการเรียนรู้เป็นอย่างไร
และการวิเคราะห์งานเพื่อการเรียนรู้ (analyzing the learning task) คือ
การวิเคราะห์ว่าความรู้หรือเนื้อหาที่ต้องการให้ผู้เรียนเรียนรู้นั้นคือ
อะไร มีลักษณะและธรรมชาติเป็น อย่างไร
มีขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อการเรียนรู้เนื้อหานั้นอย่างไรซึ่งเป็นพื้นฐาน
สำหรับการออกแบบการเรียน การสอน
3. การสรุปและทบทวนความต้องการจำเป็น เป็นขั้นตอนที่ผู้ออกแบบน
าสารสนเทศที่ได้ จากการศึกษา
ค้นคว้าและรวบรวมได้มาใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับความต้องการและปัญหาที่แท้
จริง
หรือปรับปรุงความต้องการที่กำหนดไว้ในขั้นตอนแรกให้มีความเหมาะสมเป็นจริง
มากยิ่งขึ้น และใช้ใน
การกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ที่มีการจัดลำดับความสำคัญและกำหนดทางเลือกหรือ
แนวทางปฏิบัติที่มี
ความเฉพาะเจาะจงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ได้อย่างแท้จริง
โดยใช้สารสนเทศต่าง ๆ ที่ได้ศึกษา มาแล้ว ได้แก่ ลักษณะของผู้เรียน
สภาพบริบทของการเรียนการสอนในโรงเรียน สารสนเทศเหล่านี้จะ
ช่วย
ให้ข้อเสนอแนวทางการบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้หรือการแก้ปัญหามีความเหมาะสม
และเป็นไปได้ ในการปฏิบัติสอดคล้องกับเวลาและทรัพยากรที่มีอยู่ต่อไป
ที่มา : https://sites.google.com/site/bthreiyn1234/kar-pramein-khwam-txngkar-capen
ที่มา : https://sites.google.com/site/bthreiyn1234/kar-pramein-khwam-txngkar-capen
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น